กว่าเราจะตายเรามีความทุกข์ ตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งถึงวันตาย นี่เราไม่มีความสุข ถ้าหากเราจะปรารถนาความเกิดต่อไปก็ชื่อว่าโง่เต็มที จะเกิดเป็นคนอีกกี่แสนชาติ ก็ต้องพบกับความทุกข์อย่างนี้ตลอดเวลา พระพุทธเจ้าจึงทรงแนะนำให้หนีความเกิด โดยยกมรณณานุสสติกรรมฐานขึ้นเป็นอารมณ์ ว่าเราเกิดมาแล้วต้องตาย ก่อนตายจะทำยังไงถึงจะไม่เกิดอีก
รสของกามรมณ์เป็นสุขหยาบ
ให้สุขเพียงชั่วครู่แล้วกลับเต็มไปด้วยทุกข์
คุมขังอยู่ด้วยกรงของความรักความห่วงใย
ตามมาด้วยหึงหวง อาลัยอาวรณ์ และซึมเศร้า
พระพุทธเจ้าและพระสาวกผู้มีปัญญาสว่าง
ท่านจึงเกิดสัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ คือ
ดำริออกจากกาม
ไม่หมกมุ่นพัวพันในราคะ และโลภะ
ดำริออกจากพยาบาท
มีเมตตากรุณา ไม่เคียดแค้น ชิงชัง มุ่งร้าย
ดำริออกจากความเบียดเบียน
ไม่คิดทำร้ายหรือทำลายผู้อื่นให้เจ็บช้ำ
โอวาทธรรม พระอาจารย์คม อภิวโร
ให้สุขเพียงชั่วครู่แล้วกลับเต็มไปด้วยทุกข์
คุมขังอยู่ด้วยกรงของความรักความห่วงใย
ตามมาด้วยหึงหวง อาลัยอาวรณ์ และซึมเศร้า
พระพุทธเจ้าและพระสาวกผู้มีปัญญาสว่าง
ท่านจึงเกิดสัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ คือ
ดำริออกจากกาม
ไม่หมกมุ่นพัวพันในราคะ และโลภะ
ดำริออกจากพยาบาท
มีเมตตากรุณา ไม่เคียดแค้น ชิงชัง มุ่งร้าย
ดำริออกจากความเบียดเบียน
ไม่คิดทำร้ายหรือทำลายผู้อื่นให้เจ็บช้ำ
โอวาทธรรม พระอาจารย์คม อภิวโร
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ได้เคยกล่าวถึงครูบาบุญชุ่มไว้เมื่อสมัยท่านยังเป็นสามเณรว่า ครูบาบุญชุ่ม องค์นี้ทรง สมาบัติ 8 ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร จนเป็นที่เรื่ิองลือในหมู่นักปฎิบัติธรรม และมีเจโตปริญาณ ที่แม่นยำ และ รวดเร็ว อดีตสามเณรบุญชุ่มเคยติดตามครูบาชุ่ม โพธิโกไปวัดท่าซุงในปี พ.ศ.2518 มีการบันทึกในหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ฉบับล่าสุด หรือก่อนล่าสุดนี่ พระอาจารย์เล็ก เล่าถึงก่อนที่จะพบพระองค์ที่สิบ ครูบาบุญชุ่มซึ่งยังเป็นสามเณร มายืนมองเหมือนแสดงเป็นนิมิตหมายให้ดูว่าจะพบสิ่งดี ซึ่งหลวงพี่ระบุไว้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งนั้นว่า ท่านมั่นใจว่าครูบาบุญชุ่มท่านเก่งจริง จึงนับว่าครูบาบุญชุ่มได้มาวัดท่าซุงไม่น้อยกว่า 2 วาระ ซึ่งครั้งแรกอายุ 8 ขวบ ติดตามหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุยมาร่วมงานครบ 100 ปีหลวงพ่อปาน มีบันทึกว่าท่านเงียบ ไม่พูด ยิ้มกับลมกับแล้งไปเรื่อย จนลูกศิษย์หลวงพ่อหลายคนนึกปรามาส หลวงพ่อฤาษีลิงดำเมตตาปรามและบอกว่าท่านคล่องในสมาบัติ 8 อย่าปากหมา จะลงนรกเอา
ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร พระโพธิสัตว์เจ้าองค์สำคัญอีกรูป ครูบาท่านเป็นศิษย์ครูบาอาจารย์องค์สำคัญๆเช่น หลวงปู่ดู่ วัดสะแก, ครูบาพรหม วัดพระบาทตากผ้า, ครูบาชัยวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม, หลวงปู่โง่น โสรโย เป็นต้น ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้วตั้งแต่สมัยยังเป็นสามเณร พูดอะไรทักอะไรเห็นเหมือนมีตาทิพย์ ถึงขนาดมีคนสร้างเหรียญหน้าเณรถวายท่านเลย ครูบาบุญชุ่มท่านออกธุดงค์ไปมาหลายสถานที่ทั้งในและนอกประเทศ แม้กระทั่งป่าหิมพานต์ท่านก็เคยธุดงค์ไปมาแล้วสมัยก่อนใครเจอท่านถือว่าโชค ดี จนท่านกลับไปบำเพ็ญเพียรอยู่ที่พม่าช่วงหนึ่งก่อนกลับมาประเทศไทยเมื่อไม่ กี่ปีมานี้ ใครเคยเจอท่านจะทราบดีถึงความเมตตาของท่าน เพราะถ้าท่านมีอะไรในย่ามล่ะก็ท่านแจกแหลก ไม่เว้นแม้กระทั่งเงินทำบุญใครได้ไปถือว่าโชคดีเพราะถือว่าเป็นเงินขวัญถุง จากครูบา ท่านตั้งสัจจะบำเพ็ญบารมีในถ้ำแห่งหนึ่งที่จังหวัดลำปาง ในปีพ.ศ.2553เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยไม่ออกมานอกถ้ำเลย จนถึงปี 2556 ถึงจะได้เจอท่านอีกครั้ง พระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตให้นั้นมีค่ายิ่งครับ
"คาถา 5 คาถาครูบาบุญชุ่ม"
--มนต์คาถาเงินหมื่นล้าน แสนล้าน พันล้าน
"โอมนะโมพุทธายะ นะ มะ พะ ธะ ยะ นะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ เกสุสุวัง สะสะยายันตัง สังเก นะรันยายะเป"
ฉันมองดูแต่ไม่มีผู้เห็นฉันฟังอยู่ไม่มีผู้ได้ยินฉันดมอยู่แต่ไม่มีผู้ใดกลิ่นฉันกินอยู่แต่ไม่มีผู้ได้รสฉันถูกต้องแต่ไม่มีผู้ได้สัมผัส ฉันคิดอยู่แต่ไม่มีผู้คิดฉันทำงานทุกอย่างแต่ไม่มีผู้ทำฉันพูดอยู่แต่ไม่มีผู้พูดฉันเดินอยู่แต่ไม่มีผู้เดินธรรมสภาวะนี้ใครได้สัมผัสรู้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไปดังเส้นผมบังภูเขาถ้าหมดความอยากก็หมดทุกข์
จิตที่ส่งออกนอกเป็นสมุทัยจิตที่สงบอยู่ภายในเป็นนิโรธ จิตที่รู้แจ้งอยู่เป็นมรรค
จงเฝ้าดูสังขารรูปนามนี้เกิดดับ ไม่มีหยุด ไหลไปเหมือนสายน้ำ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอะไรสักอย่างในโลกนี้
จงเฝ้าดูจิตให้สงบอยู่ภายใน ไม่ปรุงแต่งทั้งบุญทั้งบาป ทำจิตเป็นกลางอยู่ ไม่ติดโลกนี้โลกหน้า เป็นทางเข้าสู่นิพพาน
จงเฝ้าดูพิจารณาสังขารขันธ์ห้านี้เสื่อมไปหายไป ใกล้ความตายมาทุกวัน แล้วเราได้ที่พึ่งโลกหน้าหรือยังอย่ามัวประมาทอยู่
จงตั้งจิต ทำความเพียรยินดีในภาวนาเถิด การเกิดมาเป็นทุกข์แท้หนอ
ไม่ดูแล้วเมื่อไรจะได้เห็น ไม่ฟังแล้วเมื่อใดจะรู้ ไม่ทำแล้วเมื่อไรจะเป็น ไม่เดินแล้วเมื่อใดจะถึงจงตั้งจิตปฏิบัติวิปัสสนาตั้งแต่ในวันนี้ จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป
ยารักษาความโลภหมั่นให้ทานยารักษาความโกรธให้รักษาศีลมีจิตเมตตายารักษาความหลงให้หมั่นภาวนาวิปัสสนา
จงเอาสตินำหน้าเหมือนนายเรือจับหางเสือจงเอาปัญญาเป็นประทีปนำทางเอาความเพียรเป็นเสบียงอาหารเอาธรรมสติปัฏฐานเป็นแพข้ามฟากเอาความสงบกิเลสเป็นนิพพาน
ดูกายให้เห็นกาย ดูเวทนาให้เห็นเวทนา ดูจิตให้เห็นจิต ดูธรรมให้เห็นธรรม ไม่มี ไม่เอา ไม่ได้ ไม่เป็น ปล่อยวางทุกอย่างแล้วก็สบายใจ
อันความสุขทางโลกมีอยู่ชั่วคราว ความสุขยืนยาวต้องเข้าหาพระธรรม ความสุขอยู่ไม่ไกลเมื่อใจเรามีสติทุกเมื่อ
ธรรมะของจริงอยู่ในกาย กว้างศอก ยาววา หนาคืบ นี้ มีให้เราเห็นทุกๆ อย่างในกายนครนี้ใครหมั่นพิจารณาจะได้เข้าสู่นิพพานเอย
กินน้อยตายยากกินมากตายง่ายไม่กินเลยก็ตายให้เดินทางสายกลางเป็นทางนิพพาน
ในตัวคนเรามีแต่ขี้ทั้งนั้นนับตั้งแต่หัวถึงเท้าเป็นขี้หมด มีขี้รังแค ขี้ตา ขี้หู ขี้มูก ขี้ฟัน ขี้เล็บ ขี้ไคล ขี้ในท้องแล้วยังไม่พอยังมีขี้ในใจอีก ขี้เกียจ ขี้กลัว ขี้ลัก ขี้หึง ขี้เอา มีแต่ขี้ทั้งนั้นนับไม่ถ้วน ให้พิจารณาให้เกิดความเบื่อหน่ายหายความรักความชังเสียเถิด แล้วจะเกิดปัญญาก็เกิดขึ้นมาเอง
ธรรมะทุกอย่างรวมกันเป็นความไม่ประมาทถ้าประมาทเหมือนคนตายแล้ว
เกิดเป็นคนให้มีดีสามอย่าง หนึ่งใจดี สองพูดจาดี สามทำแต่สิ่งดีๆแล้วเราจะได้ของดี อย่ามัวเมามาขอแต่ของดีจากพระ จงทำดีเอาคนเดียว ธรรมมะ
ทุกอย่างรวมอยู่ที่จิต เจตสิก รูป นิพพาน ให้หมั่นศึกษาปฏิบัติจะได้รู้แจ้งอันว่า สัจจะความจริงนี้มีในโลก ใครรู้แจ้งพ้นโศกโลกสงสาร ใครไม่รู้แจ้งแทงปัญญาพาให้เกิดเอากำเนิดไม่รู้จบ พบทุกข์ในสงสาร ไม่ถึงพระนิพพาน นานหนักเอย
ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ใช้ให้ทำทุกอย่างตามตัณหาความอยากไม่มีที่สิ้นสุดดับตัณหาความอยากได้เป็นสุขในโลกแม่น้ำเสมอดังตัณหาไม่มี
พระพุทธเจ้ากล่าวว่าอุปมาคนเรานี้ มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจท่านว่าตาเราเหมือนงูหูเราเหมือนจระเข้จมูกเราเหมือนนกปากลิ้นเราเหมือนหมาบ้านตัวเราเหมือนหมาป่า ใจเราเหมือนลิง มีความจริงตามพระพุทธเจ้ากล่าวทุกอย่าง ฯลฯ
ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโร พระโพธิสัตว์เจ้าองค์สำคัญอีกรูป ครูบาท่านเป็นศิษย์ครูบาอาจารย์องค์สำคัญๆเช่น หลวงปู่ดู่ วัดสะแก, ครูบาพรหม วัดพระบาทตากผ้า, ครูบาชัยวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม, หลวงปู่โง่น โสรโย เป็นต้น ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมานานแล้วตั้งแต่สมัยยังเป็นสามเณร พูดอะไรทักอะไรเห็นเหมือนมีตาทิพย์ ถึงขนาดมีคนสร้างเหรียญหน้าเณรถวายท่านเลย ครูบาบุญชุ่มท่านออกธุดงค์ไปมาหลายสถานที่ทั้งในและนอกประเทศ แม้กระทั่งป่าหิมพานต์ท่านก็เคยธุดงค์ไปมาแล้วสมัยก่อนใครเจอท่านถือว่าโชค ดี จนท่านกลับไปบำเพ็ญเพียรอยู่ที่พม่าช่วงหนึ่งก่อนกลับมาประเทศไทยเมื่อไม่ กี่ปีมานี้ ใครเคยเจอท่านจะทราบดีถึงความเมตตาของท่าน เพราะถ้าท่านมีอะไรในย่ามล่ะก็ท่านแจกแหลก ไม่เว้นแม้กระทั่งเงินทำบุญใครได้ไปถือว่าโชคดีเพราะถือว่าเป็นเงินขวัญถุง จากครูบา ท่านตั้งสัจจะบำเพ็ญบารมีในถ้ำแห่งหนึ่งที่จังหวัดลำปาง ในปีพ.ศ.2553เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยไม่ออกมานอกถ้ำเลย จนถึงปี 2556 ถึงจะได้เจอท่านอีกครั้ง พระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตให้นั้นมีค่ายิ่งครับ
"คาถา 5 คาถาครูบาบุญชุ่ม"
--มนต์คาถาเงินหมื่นล้าน แสนล้าน พันล้าน
"โอมนะโมพุทธายะ นะ มะ พะ ธะ ยะ นะ มะ อะ อุ นะโมพุทธายะ เกสุสุวัง สะสะยายันตัง สังเก นะรันยายะเป"
ฉันมองดูแต่ไม่มีผู้เห็นฉันฟังอยู่ไม่มีผู้ได้ยินฉันดมอยู่แต่ไม่มีผู้ใดกลิ่นฉันกินอยู่แต่ไม่มีผู้ได้รสฉันถูกต้องแต่ไม่มีผู้ได้สัมผัส ฉันคิดอยู่แต่ไม่มีผู้คิดฉันทำงานทุกอย่างแต่ไม่มีผู้ทำฉันพูดอยู่แต่ไม่มีผู้พูดฉันเดินอยู่แต่ไม่มีผู้เดินธรรมสภาวะนี้ใครได้สัมผัสรู้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไปดังเส้นผมบังภูเขาถ้าหมดความอยากก็หมดทุกข์
จิตที่ส่งออกนอกเป็นสมุทัยจิตที่สงบอยู่ภายในเป็นนิโรธ จิตที่รู้แจ้งอยู่เป็นมรรค
จงเฝ้าดูสังขารรูปนามนี้เกิดดับ ไม่มีหยุด ไหลไปเหมือนสายน้ำ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอะไรสักอย่างในโลกนี้
จงเฝ้าดูจิตให้สงบอยู่ภายใน ไม่ปรุงแต่งทั้งบุญทั้งบาป ทำจิตเป็นกลางอยู่ ไม่ติดโลกนี้โลกหน้า เป็นทางเข้าสู่นิพพาน
จงเฝ้าดูพิจารณาสังขารขันธ์ห้านี้เสื่อมไปหายไป ใกล้ความตายมาทุกวัน แล้วเราได้ที่พึ่งโลกหน้าหรือยังอย่ามัวประมาทอยู่
จงตั้งจิต ทำความเพียรยินดีในภาวนาเถิด การเกิดมาเป็นทุกข์แท้หนอ
ไม่ดูแล้วเมื่อไรจะได้เห็น ไม่ฟังแล้วเมื่อใดจะรู้ ไม่ทำแล้วเมื่อไรจะเป็น ไม่เดินแล้วเมื่อใดจะถึงจงตั้งจิตปฏิบัติวิปัสสนาตั้งแต่ในวันนี้ จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป
ยารักษาความโลภหมั่นให้ทานยารักษาความโกรธให้รักษาศีลมีจิตเมตตายารักษาความหลงให้หมั่นภาวนาวิปัสสนา
จงเอาสตินำหน้าเหมือนนายเรือจับหางเสือจงเอาปัญญาเป็นประทีปนำทางเอาความเพียรเป็นเสบียงอาหารเอาธรรมสติปัฏฐานเป็นแพข้ามฟากเอาความสงบกิเลสเป็นนิพพาน
ดูกายให้เห็นกาย ดูเวทนาให้เห็นเวทนา ดูจิตให้เห็นจิต ดูธรรมให้เห็นธรรม ไม่มี ไม่เอา ไม่ได้ ไม่เป็น ปล่อยวางทุกอย่างแล้วก็สบายใจ
อันความสุขทางโลกมีอยู่ชั่วคราว ความสุขยืนยาวต้องเข้าหาพระธรรม ความสุขอยู่ไม่ไกลเมื่อใจเรามีสติทุกเมื่อ
ธรรมะของจริงอยู่ในกาย กว้างศอก ยาววา หนาคืบ นี้ มีให้เราเห็นทุกๆ อย่างในกายนครนี้ใครหมั่นพิจารณาจะได้เข้าสู่นิพพานเอย
กินน้อยตายยากกินมากตายง่ายไม่กินเลยก็ตายให้เดินทางสายกลางเป็นทางนิพพาน
ในตัวคนเรามีแต่ขี้ทั้งนั้นนับตั้งแต่หัวถึงเท้าเป็นขี้หมด มีขี้รังแค ขี้ตา ขี้หู ขี้มูก ขี้ฟัน ขี้เล็บ ขี้ไคล ขี้ในท้องแล้วยังไม่พอยังมีขี้ในใจอีก ขี้เกียจ ขี้กลัว ขี้ลัก ขี้หึง ขี้เอา มีแต่ขี้ทั้งนั้นนับไม่ถ้วน ให้พิจารณาให้เกิดความเบื่อหน่ายหายความรักความชังเสียเถิด แล้วจะเกิดปัญญาก็เกิดขึ้นมาเอง
ธรรมะทุกอย่างรวมกันเป็นความไม่ประมาทถ้าประมาทเหมือนคนตายแล้ว
เกิดเป็นคนให้มีดีสามอย่าง หนึ่งใจดี สองพูดจาดี สามทำแต่สิ่งดีๆแล้วเราจะได้ของดี อย่ามัวเมามาขอแต่ของดีจากพระ จงทำดีเอาคนเดียว ธรรมมะ
ทุกอย่างรวมอยู่ที่จิต เจตสิก รูป นิพพาน ให้หมั่นศึกษาปฏิบัติจะได้รู้แจ้งอันว่า สัจจะความจริงนี้มีในโลก ใครรู้แจ้งพ้นโศกโลกสงสาร ใครไม่รู้แจ้งแทงปัญญาพาให้เกิดเอากำเนิดไม่รู้จบ พบทุกข์ในสงสาร ไม่ถึงพระนิพพาน นานหนักเอย
ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ใช้ให้ทำทุกอย่างตามตัณหาความอยากไม่มีที่สิ้นสุดดับตัณหาความอยากได้เป็นสุขในโลกแม่น้ำเสมอดังตัณหาไม่มี
พระพุทธเจ้ากล่าวว่าอุปมาคนเรานี้ มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจท่านว่าตาเราเหมือนงูหูเราเหมือนจระเข้จมูกเราเหมือนนกปากลิ้นเราเหมือนหมาบ้านตัวเราเหมือนหมาป่า ใจเราเหมือนลิง มีความจริงตามพระพุทธเจ้ากล่าวทุกอย่าง ฯลฯ
✋热门推荐